เรื่องราวบุพเพสันนิวาสบางคู่ แม้ไม่ได้อยู่เคียงคู่ครองรัก ร่วมสามีภริยาทางกาย แต่บุญจัดสรรรักกันไม่เสื่อมคลาย ครองธรรมนำใจ ดังตัวอย่างคู่ชีวิตของชายหนุ่มหญิงสาวในสมัยพุทธกาล เรื่องราวของท่านพระมหากัสสปะ และภัททกาปิลานีเถรี
“ปิปผลิมาณพ” หนุ่มเศรษฐีเกิดในครอบครัวกบิลพราหมณ์ แห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ มีทรัพย์สินมากมาย แต่ท่านใฝ่ในการประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ปรารถนาแต่งงาน แต่บิดามารดาปรารถนามีลูกสะไภ้ เพื่อจะได้มีลูกหลานสืบสกุล
ส่วน “นางภัททกาปิลานี” ธิดาของพราหมณ์โกสิยโคตร แห่งสาคลนคร แคว้นมัททะ เกิดมามีรูปร่างสวยงาม ผิวพรรณดั่งทอง มีทรัพย์สินมากมาย เธอประสงค์ดำรงตนเป็นสาวพรหมจรรย์ ไม่ปรารถนามีคู่เช่นกัน
หนุ่มปิปผลิมาณพทนความรบเร้าของบิดามารดาไม่ได้ เพื่อความสะบายใจ จึงรับคำว่า ถ้ามีหญิงสาวรูปร่างดังในจินตนาการ ซึ่งให้ช่างปั้นรูปหญิงสาวผิวทองคำ หน้าตาดังสาวในสวรรค์ชั้นฟ้า ซึ่งหาไม่พบในปฐพีโลกนี้ ถ้าไม่มีท่านก็จะไม่ต้องแต่งงาน
เมื่อเหล่าพราหมณ์นำรูปปั้นเที่ยวแสวงหาหญิงสาวดังกล่าว ประกาศหาเจ้าสาวของเศรษฐีหนุ่มจนถึงเมืองสาคละ ซึ่งพบหญิงสาวผู้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับรูปปั้นจากจินตนาการของเศรษฐีหนุ่มปิปผลิมาณพ
เพราะบุพเพสันนิวาส เคยทำบุญร่วมชาติ ร่วมสร้างบารมีกันมา แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงก็ไม่สามารถผ่านพ้นได้ประสบพบเจอ จนต้องสมรสเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน เพียงในนาม อยู่ห้องเดียวกัน แต่ไม่ได้ร่วมกันทางกามารมณ์ เพราะตั้งสัจจะสัญญาใจว่า วันหนึ่งวันใดจะออกประพฤติพรหมจรรย์ ปฏิบัติทางพ้นทุกข์ พบสุขทางธรรม ตั้งใจจะออกบวช “หากพระอรหันต์เหล่าใดมีอยู่ในโลก ทั้งสองจะบวชอุทิศพระอรหันต์เหล่านั้น”
การตัดสินใจทิ้งสมบัติพัสถานของมหาเศรษฐี มหาเศรษฐินีทั้งสองท่าน เพื่ออุทิศชีวิตประพฤติพรหมจรรย์ และแยกทางกันเดิน เพื่อชาติจบภพสิ้น สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกธาตุ พื้นปฐพีหวั่นไหวบันลือลั่น
ขณะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในพระคันธกุฎี ณ พระวิหารเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ได้ทรงทราบว่า “บัดนี้ ปิปผลมาณพและนางภัททกาปิลานี ละทิ้งสมบัติอันประมาณมิได้ บวชอุทิศเรา กำลังคุณงามความดีของคนทั้งสองนั่น เมื่อแยกจากกันทำให้แผ่นดินไหว เราควรไปทำการสงเคราะห์คนทั้งสองนี้
เมื่อได้รับพระธรรมเทศนา รับโอวาท บวชเป็นพระภิกษุ ท่านสมาทานธุดงค์คุณ ๑๓ ข้อ ประพฤติปฏิบัติ ๗ วัน จึงได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระอรหันต์ มีนามว่า “พระมหากัสสปะ”
พระสาวกผู้เลิศทางถือธุดงค์ เป็นประธานสังคายนาพระธรรมวินัย ครั้งที่ ๑ หลังพุทธปรินิพพาน ส่วนพระนางภัททกาปิลานีเถรี ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เป็นกำลังสำคัญของฝ่ายนางภิกษุณี
แม้จะเคยสัญญาขอครองคู่กัน เมื่อมีกรรมร่วมกัน ต้องเวียนว่ายตายเกิดหลายภพหลายชาติ ตราบใดยังไม่ชาติจบภพสิ้นบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
เพราะมีบุญมีกรรมร่วมกัน จึงได้เกิดมาได้ใช้ชีวิตร่วมเป็นสามีภรรยา หรือเกิดเป็นบิดามารดา เป็นพี่น้อง ได้รักผูกพันเป็นเพื่อนร่วมโลก
ในเมื่อการที่เราทั้งหลาย ได้เคยร่วมเป็นคนในครอบครัวกัน เวียนตายเวียนเกิดมาแล้วอย่างนี้ จึงขอให้มองกันด้วยเมตตาธรรม รัก เมตตา ปรารถนาดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
โลกนี้จะมีแต่ความสงบสุข
โลกทั้งผองพี่น้องกัน
เมตตาธรรมค้ำชูโลกา.
เจริญธรรม
สุธีระ อาศรมศรีทรงธรรม
๑๗ เม.ย. ๒๕๖๑